เทคนิคการเลือกเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า EV Charger

ความเร็วในการชาร์จไฟรถยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับไฟ (On Board Charger) ของรถยนต์แต่ละรุ่น หรือก็คือตัวควบคุมการดึงพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถ สั่งการไปยังเครื่อง EV Charger โดยทั่วไปขนาดมีตั้งแต่ 3.6kW ถึง 22kW ซึ่งทำให้ตัวเครื่องชาร์จออกแบบมาให้มีทั้งหมด 4 ขนาด คือ 3.7 kW, 7.4 kW, 11 kW, 22 kW (มาตรฐาน) ราคาเครื่องชาร์จหลากหลายมีตั้งแต่ 15,000-100,000 กว่าบาท(แล้วแต่ยี่ห้อ)

ยกตัวอย่าง : สมมุติว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีแบตเตอรี่รับไฟสูงสุด 6.6 kW/h โดยมีขนาดแบตเตอรี่เต็ม 40 kW เราต้องใช้เวลาชาร์จจนเต็มประมาณ 6 ชั่วโมง (หรือเอา 40 หาร 6.6 ได้เลย) โดยเราสามารถเลือกเครื่องชาร์จไฟขนาดไหนมาใช้ก็ได้ แต่ความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจะไม่เท่ากัน สำหรับใครที่เลือกเครื่องชาร์จ EV Charger ขนาด 3.7 kW ต้องใช้เวลาชาร์จนานขึ้นเป็น 11 ชั่วโมง ในทางกลับกันหากเลือกเครื่องชาร์จขนาด 11 kW หรือ 22 kW เครื่องชาร์จก็จะลดขนาดไฟลงมาอัตโนมัติให้เหลือเพียงขนาดที่รถสามารถรับไฟได้คือ 6.6kW หมายความว่าแม้เราจะซื้อเครื่องขนาดใหญ่ แต่ถ้า On Board Charger ของตัวรถยนต์ไม่สามารถรับได้ ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะตัวรถรับได้แค่นี้ ดังนั้น เครื่องชาร์จที่เหมาะสมคือ 7.4 kW นั่นเอง

คำถามที่พบบ่อย(FAQ)

1) รถ EV ใช้เวลาชาร์จนานขนาดไหน ?

สายชาร์จแถม (Mode 2) ใช้เวลาชาร์จนาน(12-16ชม.) ไม่เต็มประสิทธิภาพรถ แต่เครื่อง Wallbox EV Charger (Mode 3) สามารถช่วยย่นระยะเวลาได้มาก ตามประสิทธิภาพรถและรุ่นรถ

• PHEV ความจุแบทเตอรีอยู่ที่ 6-14 kW สายชาร์จแถม ใช้เวลาชาร์จ 3-7 ชม. แต่เครื่อง Wallbox EV Charger สามารถช่วยย่นระยะเวลาเหลือเพียง 1-2 ชม. เท่านั้น
• BEV ความจุแบทเตอรีอยู่ที่ 60-90 kW สายชาร์จแถม ใช้เวลาชาร์จประมาณ 40 ชม. แต่เครื่อง Wallbox EV Charger สามารถช่วยย่นระยะเวลาเหลือเพียง 3-4 ชม. เท่านั้น

2) ค่าไฟแพงไหม?

• ถูกกว่าค่าน้ำมัน 3 เท่า
• ค่าไฟคิดเป็นกิโลเมตร 1 กม. = 0.7-1 บาท
• ค่าน้ำมันคิดเป็นกิโลเมตร 1 กม. = 3 บาท

3) ความปลอดภัย

3.1) ชาร์จค้างคืนเสี่ยงไฟไหม้?

• ติดตั้งระบบครบ อุปกรณ์มาตรฐานมีโอกาศเกิดไฟไหม้แค่กรณีเดียวคือ ฟ้าผ่าแบบรุนแรง(ฟ้าผ่าถ้าไม่หนักมาก จะมีอุปกรณ์ป้องกัน มันจะบายพาสกระแสลงกราวด์ได้เลย)
• ทีมติดตั้งมาตรฐานหมดปัญหาเรื่องไฟไหม้

3.2) โอกาสเกิดไฟช็อตไฟดูด?

• ติดตั้ง ระบบป้องกันไฟรั่ว(RCD type B)ป้องกันได้ทั้งไฟบ้านและไฟจากเครื่องชาร์จ

3.3) รถ plug-in HB ถ้าเราไม่ชาร์ทไฟ แต่ใช้งานเหมือนรถ HB ธรรมดา มันจะมีปัญหากับแบตไหมครับ

• จะมีปัญหาในระยะยาวครับ?
• อย่าง Benz ที่เป็น Plug-in hybrid ถ้าผู้ใช้งานไม่เสียบชาร์จไฟ หากเกิดปัญหาระบบไฟ จะเคลมไม่ได้ครับ
• ควรชาร์จให้เต็มสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

3.4) ใช้เครื่องชาร์จแบบพกพาที่แถมมาเสียบชาร์จที่บ้านได้ไหม หรือต้องซื้อเครื่องชาร์จ?

• สายชาร์จที่แถมกับรถ เป็นแค่ Emergency Charge ! (สาย Mode 2) เหมาะสำหรับการชาร์จ “เพียงชั่วคราวสั้นๆ ในยามฉุกเฉิน*”
• เนื่องจากอาจเกิดความร้อนสะสมที่เต้าเสียบไฟบ้าน ซึ่งอาจทำให้ระบบไฟบ้านเกิดปัญหาได้ ดังภาพ เมื่อชาร์จเต็มแล้วควรถอดปลั๊กทันที(สายไฟบ้านทนกระแส 10 แอมป์ เครื่องชาร์จดึงกระแส 12 แอมป์)

3.5) ใช้ Quick Charge บ่อยๆดีไหม

• การชาร์จแบบด่วน (Quick Charge) : เป็นการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) ตรงเข้าแบตเตอรี่โดยตรง ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จาก 0-80% ได้ภายในเวลา 40-60 นาที นิยมใช้ตามสถานีบริการนอกบ้าน ที่ต้องการความรวดเร็วในการชาร์จ แต่ก็มีข้อเสียคือทำให้ตัวแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ได้แก่ CHAdeMo, GB/T และ CCS เป็นต้น

4) ชาร์เต็มวิ่งได้ประมาณกี่กิโล พอดีสนใจรถ EV?

• รถไฟฟ้าปกติระยะทางวิ่งราวๆ 300 + - 20 กม.(แล้วแต่รุ่นครับราคาตามระยะทางวิ่งเลยครับ ปัจจุบันมีตั้งแต่ 200-600 กม.) วิ่งยิ่งช้ายิ่งประหยัดไฟ อย่าง mg zs ev วิ่งจาก เชียงใหม่ได้ระยะทางราว 400 กม. โดยไม่ชาร์จได้ แต่ต้องวิ่งช้ามากๆ ราว 60 กม./ชม. แต่ถ้าวิ่งขึ้นเหนือ ไม่น่าจะได้เพราะเป็นทางขึ้นเขา แต่วิ่งจาก กทม. ไปพัทยาได้ ต้องแวะชาร์จขากลับ ไม่สามารถขับไปกลับโดยไม่ชาร์จเลยไม่ได้ รถ ev เหมาะกับชีวิตในเมืองขับไปกลับบ้านไม่เกิน 100 กม. ครับ