ออกตัวก่อนว่าบทความนี้ไม่ได้เป็นเขียนเอง แต่แปลมาจากภาษาอังกฤษ พอดีมีคนส่งลิ้งค์สรุปรายงานของ WHO มาให้ เลยคิดว่าถ้านำมาเผยแพร่เป็นภาษาไทยก็น่าจะดี

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

บทความต้นฉบับ ซึ่งบทความนี้สรุปเนื้อหาจากรายงานของ WHO อีกทีนึง
https://www.reddit.com/…/the_who_sent_25_international_ex…/…

ข้างล่างนี้คือฉบับแปล พยายามเกลาให้เป็นภาษาคนที่สุดแล้ว แต่คง comma (,) กับ period (.) ไว้เพราะมันช่วยให้แยกประโยคได้ง่าย คนที่ไม่คุ้นกับ Grammar ภาษาอังกฤษอาจจะงงนิดหน่อยนะ (ประโยคที่อยู่หลัง comma จะเป็นส่วนขยายคำหรือประโยคที่อยู่ก่อนหน้า)

----------------------------------------------

องค์การอนามัยโลก (WHO) ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญ 25 คนจากหลายประเทศไปยังประเทศจีน หลังจากใช้เวลา 9 วัน (16-24 ก.พ. 2020) ทีมผู้เชี่ยวชาญมีข้อค้นพบดังนี้

WHO ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศไปยังประเทศจีนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์, ซึ่งรวมถึงนาย Clifford Lane, ผู้อำนวยการคลินิกที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (US National Institutes of Health), ด้วย. หลังจากที่ทีมได้ไปเยือนปักกิ่ง, อู่ฮั่น, เซินเจิ้น, กวางโจว, และเฉิงตู ทางทีมได้แถลงข่าวและออกรายงานต่อไปนี้

คลิปการแถลงข่าวใน Youtube (ยาว 2:01:18 ชม. Stream เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2020)
https://www.youtube.com/watch?v=-o0q1XMRKYM

รายงานขั้นสุดท้ายของคณะกรรมาธิการในแบบ PDF (40 หน้า)
https://www.who.int/…/who-china-joint-mission-on-covid-19-f…

รายละเอียดต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ COVID-19 ที่ผมยังไม่พบในสื่อต่างๆ:

• กลุ่มผู้ติดเชื้อที่เกิดขึ้นในจีนนั้นโดยส่วนใหญ่ (78-85%) มักเกิดจากการติดต่อภายในครอบครัวผ่านละอองและพาหะอื่นๆเมื่อมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ. การแพร่เชื้อผ่านละอองลอยขนาดเล็กในอากาศระยะไกลไม่ใช่สาเหตุหลักของการแพร่กระจาย. ในบุคลากรโรงพยาบาลที่ติดเชื้อจำนวน 2,055 คนนั้นส่วนใหญ่ติดเชื้อที่บ้านหรือติดเชื้อในระยะแรกของการระบาดในเมืองอู่ฮั่นในขณะที่ยังไม่มีการยกระดับการป้องกันต่างๆในโรงพยาบาล

• 5% ของผู้ถูกวินิจฉัยว่าเป็น COVID-19 นั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ (https://en.wikipedia.org/wiki/Artificial_ventilation). อีก 15% จำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง (https://en.wikipedia.org/wiki/Oxygen_therapy) ในการหายใจเป็นเวลานานหลายวัน. ตั้งแต่การเริ่มต้นของโรคจนถึงระยะพักฟื้นนั้นใช้เวลา 3-6 สัปดาห์โดยเฉลี่ยสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเข้าขั้นวิกฤต (โดยผู้ป่วยไม่รุนแรงนั้นใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์). จำนวนผู้ป่วยรวมถึงระยะเวลาการรักษานั้นเป็นภาระมากเกินกว่าที่ระบบบริการสุขภาพที่มีอยู่ในอู่ฮั่นจะรับได้หลายเท่า. มณฑลหูเป่ย, ที่มีอู่ฮั่นเป็นเมืองหลวง, นั้นจนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อ 65,596 คน. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 40,000 คนถูกส่งจากมณฑลอื่นๆไปยังหูเป่ยเพื่อช่วยจัดการกับโรคนี้. มีโรงพยาบาลทั้งหมด 45 แห่งในอู่ฮั่นที่ให้บริการผู้ป่วย COVID-19, โดย 6 แห่งนั้นดูแลผู้ป่วยในภาวะวิกฤติและ 39 แห่งดูแลผู้ป่วยอาการหนักและผู้ติดเชื้ออายุ 65 ปีขึ้นไป. โรงพยาบาลชั่วคราว 2 แห่งถูกสร้างขึ้นในระยะเวลาไม่นานโดยมีเตียงผู้ป่วยรวม 2,600 เตียง. สำหรับผู้ติดเชื้ออีก 80% ซึ่งมีอาการไม่รุนแรง, มีการปรับโรงยิมและหอจัดแสดงรวม 10 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้.

• จีนสามารถผลิตชุดทดสอบตรวจหาเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ 1.6 ล้านชุดต่อสัปดาห์. การทดสอบนี้ให้ผลตรวจภายในวันเดียวกัน. ทุกคนที่มีไข้ทั่วประเทศเมื่อไปพบแพทย์จะได้รับการตรวจหาไวรัส: ในมณฑลกวางตุ้งที่ห่างจากเมืองอู่ฮั่นนั้นมีการตรวจไปแล้ว 320,000 คนและพบว่า 0.14% เป็นผู้ติดเชื้อไวรัส.

• ส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อนั้นจะมีอาการไม่ช้าก็เร็ว. กรณีของคนที่ตรวจพบไวรัสแต่กลับไม่มีอาการในเวลาเดียวกันนั้นหายาก - ส่วนใหญ่จะป่วยในอีกไม่กี่วัน

• อาการที่พบบ่อยที่สุดคือมีไข้ (88%) และไอแห้ง (68%). อาการที่พบโดยทั่วไป คือ อ่อนเพลีย (38%), ไอมีเสมหะ (33%), หายใจไม่ออก (18%), เจ็บคอ (14%), ปวดหัว (14%), ปวดกล้ามเนื้อ (14%), หนาวสั่น (11%). อาการอื่นที่พบได้แต่ไม่บ่อย คือ คลื่นไส้และอาเจียน (5%), คัดจมูก (5%) และท้องเสีย (4%). น้ำมูกไหลไม่ใช่อาการของ COVID-19

• การตรวจผู้ติดเชื้อ 44,672 คนในจีน (http://rs.yiigle.com/yufabiao/1181998.htm) นั้นพบว่ามีอัตราการเสียชีวิตที่ 3.4%. การเสียชีวิตนั้นเป็นผลมาจากอายุ, โรคที่เป็นมาก่อน (Pre-Existing Conditions), เพศ, และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการของระบบบริการสุขภาพ. ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ในจีนจนถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์, และในอนาคตตัวเลขผู้เสียชีวิตในที่อื่นๆนั้นอาจแตกต่างกันอย่างมาก.

• ระบบบริการสุขภาพ: 20% ของผู้ติดเชื้อในจีนต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายสัปดาห์. ประเทศจีนมีเตียงในโรงพยาบาลเพื่อรักษา 0.4% ของประชากร (https://en.wikipedia.org/…/List_of_OECD_countries_by_hospit…) พร้อมๆกัน - ประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆมีระหว่าง 0.1% และ 1.3% และส่วนใหญ่ของเตียงพวกนี้นั้นถูกใช้สำหรับผู้ที่มีโรคอื่นๆไปเรียบร้อยแล้ว. สิ่งที่สำคัญที่สุดในขั้นแรกคือการจำกัดการแพร่กระจายของไวรัสอย่างจริงจังเพื่อทำให้ผู้ป่วย COVID-19 ที่มีอาการหนักนั้นมีจำนวนน้อย และขั้นที่สองคือการเพิ่มจำนวนเตียง (รวมถึงอุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์) ให้เพียงพอต่อผู้ป่วยที่มีอาการหนัก. ประเทศจีนยังได้ทดสอบวิธีการรักษาอื่นๆและวิธีการรักษาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดนั้นได้ถูกนำไปใช้ทั่วประเทศ. เพราะเหตุนี้อัตราการเสียชีวิตในจีนในตอนนี้จึงต่ำกว่าหนึ่งเดือนก่อนหน้า.

• โรคที่เป็นมาก่อน: อัตราการเสียชีวิตในจีนสำหรับผู้ติดเชื้อที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ก่อนแล้วนับอยู่ที่ 13.2%. สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงนั้นอยู่ที่ 9.2% (เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้), ความดันโลหิตสูงอยู่ที่ 8.4%, โรคเรื้อรังของทางเดินหายใจอยู่ที่ 8% และโรคมะเร็งอยู่ที่ 7.6%. ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีการเจ็บป่วยก่อนหน้านั้นเสียชีวิตใน 1.4% ของผู้ป่วยทั้งหมด

• อายุ: อายุยิ่งน้อยโอกาสที่จะติดเชื้อจะยิ่งน้อย และจะมีโอกาสน้อยที่จะป่วยหนักหากมีการติดเชื้อ [ดูตารางในรูปแรกพร้อมวิธีอ่าน]

• เพศ: ผู้หญิงสามารถติดโรคนี้ได้พอกันกับผู้ชาย. แต่มีเพียง 2.8% ของผู้หญิงชาวจีนที่ติดเชื้อเสียชีวิตจากโรคนี้, ขณะที่ 4.7% ของผู้ชายชาวจีนที่ติดเชื้อนั้นเสียชีวิต. ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์นั้นโรคนี้ก็ดูจะมีความรุนแรงพอกันกับกลุ่มอื่นๆ. จากการตรวจสอบการคลอดของผู้หญิงที่ติดเชื้อ 9 คน, ทารกที่คลอดด้วยการผ่าท้องเหล่านี้มีสุขภาพดีโดยไม่มีการติดเชื้อ. ผู้หญิง 9 คนนี้ติดเชื้อในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์. การติดเชื้อในไตรมาสที่ 1 หรือ 2 มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่นั้นยังไม่ชัดเจนเนื่องจากทารกเหล่านี้ยังไม่ถึงกำหนดคลอด.

• ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ในทางพันธุกรรมแล้วมีความเหมือนกับโคโรนาไวรัสในค้างคาวอยู่ 96% และเหมือนกับโคโรนาไวรัสในตัวนิ่มอยู่ 86-92%. ดังนั้นการแพร่กระจายของไวรัสกลายพันธุ์จากสัตว์สู่มนุษย์นั้นเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดในการเกิดขึ้นของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้.

• นับตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม, จำนวนการวินิจฉัยพบโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง [ดูกราฟในรูปที่ 2] โดยมีการวินิจฉัยพบผู้ป่วยใหม่เพียง 329 คนในวันสุดท้าย – หนึ่งเดือนก่อนตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 3,000 คนต่อวัน. "การลดลงของผู้ป่วย COVID-19 ทั่วประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องจริง" รายงานกล่าว. กลุ่มผู้เขียนรายงานสรุปจากประสบการณ์หน้างานว่า 1. ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีจำนวนผู้ป่วยที่ไปโรงพยาบาลลดลง, 2. จำนวนเตียงในโรงพยาบาลนั้นว่างมากขึ้น, และ 3. ปัญหาของนักวิจัยจีนในการหาผู้ติดเชื้อรายใหม่สำหรับการศึกษาทดลองยาต่างๆ. กดลิ้งค์เพื่อฟังการแถลงข่าวในส่วนที่เกี่ยวกับการประเมินจำนวนผู้ป่วยที่ลดลง (https://www.youtube.com/watch… – นาที 25:08)

• หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ช่วยให้จีนจำกัดการระบาดได้คือการสัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อทั่วประเทศเกี่ยวกับผู้คนที่สัมผัสด้วยและการตามไปตรวจคนเหล่านั้นต่อ. ในเมืองอู่ฮั่นมี 1,800 ทีมที่ทำหน้าที่นี้, โดยแต่ละทีมมีอย่างน้อย 5 คน. การทำงานส่วนนี้ในพื้นที่อื่นๆก็สำคัญเช่นกัน. เช่น ในเมืองเซินเจิ้นนั้นผู้ติดเชื้อระบุว่ามีผู้สัมผัส 2,842 คน, โดยทีมงานตามพบทุกคน, ตรวจเสร็จแล้ว 2,240 คน, และ 2.8% ของกลุ่มที่ตรวจแล้วมีการติดเชื้อไวรัส. ในมณฑลเสฉวนทีมงานระบุผู้สัมผัสได้ 25,493 คน, โดยตามพบ 25,347 คน (99%), 23,178 คนได้รับการตรวจแล้วและ 0.9% ของกลุ่มนี้มีการติดเชื้อ. ในมณฑลกวางตุ้งสามารถระบุผู้สัมผัสได้ 9,939 คน, โดยตามพบทั้งหมด, มีการตรวจแล้ว 7,765 คนและ 4.8% ของผู้ได้รับการตรวจแล้วมีการติดเชื้อ. โดยสรุป: หากคุณมีการสัมผัสโดยตรงกับผู้ติดเชื้อ, ความน่าจะเป็นของการติดเชื้ออยู่ระหว่าง 1%-5%.

สรุป, โควตคำพูดโดยตรงจากรายงาน:

"แนวทางที่ชัดเจนของประเทศจีนในการจำกัดการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจใหม่นี้ได้เปลี่ยนทิศทางของการระบาดซึ่งทวีความรุนแรงอย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายถึงชีวิต. เมื่อเผชิญกับไวรัสที่ไม่รู้จักมาก่อน, ประเทศจีนได้มีความพยายามที่ดูท่าจะทะเยอทะยาน ว่องไว และดุดันที่สุดในประวัติศาสตร์ในการควบคุมโรค. การใช้มาตรการที่ไม่ใช้เภสัชภัณฑ์อย่างเคร่งครัดและเข้มงวดของประเทศจีนเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19 ในหลายสถานการณ์นั้นเป็นบทเรียนสำคัญต่อการจัดการสถานการณ์ทั่วโลก. การจัดการด้านสาธารณสุขที่พิเศษและไม่เหมือนใครในจีนนี้ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยในมณฑลหูเป่ย, ซึ่งมีการแพร่กระจายในระดับชุมชนอย่างกว้างขวาง, และในมณฑลอื่นๆที่รับการแพร่กระจายต่อไป, ซึ่งมีกลุ่มครอบครัวเป็นตัวขับเคลื่อนการระบาด."

"ประเทศต่างๆส่วนมากยังไม่พร้อม, ทั้งในทางทัศนคติและปัจจัย, ที่จะดำเนินการตามมาตรการต่างๆที่จีนได้ทำลงไปเพื่อจำกัด COVID-19. มาตรการเหล่านี้นั้นได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถหยุดหรือลดการแพร่กระจายในมนุษย์. พื้นฐานสำคัญของมาตรการเหล่านี้ คือ 1. การเฝ้าระวังเชิงรุกอย่างจริงจังเพื่อให้ตรวจพบผู้ป่วยอย่างทันท่วงที, 2. การตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วและการแยกผู้ป่วยทันที, 3. การติดตามและการกักบริเวณผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด, และ 4. ประชาชนมีความเข้าใจและการยอมรับมาตรการเหล่านี้ในระดับสูงเป็นพิเศษ."

"COVID-19 นั้นกำลังแพร่กระจายด้วยความรวดเร็วอย่างมาก; การระบาดของ COVID-19 ในสถานการณ์ใดก็ตามมีผลกระทบร้ายแรงมาก; และขณะนี้มีหลักฐานชัดเจนว่าการจัดการที่ไม่ใช้เภสัชภัณฑ์สามารถลดและกระทั่งหยุดการแพร่กระจายได้. เป็นที่น่ากังวลว่าการเตรียมความพร้อมในระดับประเทศและทั่วโลกนั้นโดยมากแล้วมีความลังเลไม่มั่นใจต่อการจัดการดังกล่าว. อย่างไรก็ตาม, ในการที่จะลดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วย COVID-19, การเตรียมความพร้อมในระยะสั้นจำเป็นต้องใช้มาตรการด้านสาธารณสุขที่ไม่ใช้เภสัชภัณฑ์ในวงกว้าง. มาตรการเหล่านี้จะต้องครอบคลุมการตรวจพบและแยกผู้ป่วยในทันที, การติดตามและการเฝ้าระวัง/กักบริเวณผู้สัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด, และการมีส่วนร่วมของประชาชน/ชุมชนโดยตรง."

เครดิต คนแปล 

https://www.facebook.com/tuang25/posts/10107194041849430

ตวง #ม้า20 #ชมรมม้ารันนิ่ง #Marunning #TuangCheevatadavirut