คุณยังไม่มีสินค้าในรถเข็น
แนะนำ HPE Primera: Tier-0 Enterprise Storage ที่มาพร้อมทั้งความเร็ว, ความทนทาน, ความง่ายดาย และการใช้งานได้อย่างยาวนานไม่มีวันตกรุ่น
3 มี.ค. 2020 13:43:08
เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา หนึ่งในประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดประกาศหนึ่งของ HPE นั้นก็คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Enterprise Storage รุ่นล่าสุดอย่าง HPE Primera ที่ถูกวางตัวให้เป็น Tier-0 Storage สำหรับรองรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญสูงสุดของธุรกิจ ด้วยการออกแบบระบบให้มีทั้งประสิทธิภาพ, ความมั่นคงทนทาน, ความง่ายดายในการติดตั้งบริหารจัดการและการดูแลรักษา ไปจนถึงการออกแบบบริการเสริมที่มาพร้อมกับ Storage รุ่นนี้ให้คุ้มค่าสูงสุดต่อการใช้งานในระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ได้มีทางเลือกในการใช้งานระบบ Storage ที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจ
Credit: HPE
ปัญหาของระบบ Storage ระดับองค์กรที่ผ่านมา
ในการประกาศเปิดตัว HPE Primera ครั้งนี้ โจทย์หนึ่งที่ HPE หยิบยกขึ้นมาแก้ไขอย่างจริงจังก็คือการแก้ไขปัญหาในการจัดซื้อ, ใช้งาน และการดูแลรักษาระบบ Enterprise Storage ทั่วโลกในอดีต ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการติดตั้งที่ยาก, การดูแลรักษาที่ซับซ้อน, การอัปเกรดรุ่นหรือระบบที่มีค่าใช้จ่ายแฝงมากมาย ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ทำให้ท้ายที่สุดแล้วการลงทุนในระบบ Storage นั้นเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินไปกว่าการลงทุนแรกเริ่มปริมาณมหาศาล
HPE Primera: ออกแบบ Tier-0 Enterprise Storage เพื่อแก้ทุกปัญหาของระบบ Storage ในอดีต
Credit: HPE
การออกแบบ HPE Primera ครั้งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่วงการ Enterprise IT เคยต้องเผชิญในอดีตทั้งหมด ทำให้ระบบ Storage ประสิทธิภาพสูงชุดนี้มีความมั่นคงทนทานที่สูงยิ่งขึ้นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก HPE จึงยกระดับให้ HPE Primera จัดอยู่ใน Tier-0 Storage ที่มีความมั่นคงทนทานสูงยิ่งกว่า Tier-1 Storage อื่นๆ นั่นเอง
ไม่เพียงแต่การออกแบบเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ในการออกแบบ HPE Primera ครั้งนี้ ทาง HPE ยังได้ออกแบบบริการเสริมต่างๆ และรูปแบบการลงทุนใหม่ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ นอกเหนือจากเชิงเทคโนโลยีที่ธุรกิจองค์กรเคยต้องเผชิญได้ ดังนี้
รับประกันความมั่นคงทนทานระดับ 100% เป็นรายเดียวของโลก
ระบบ Mission-Critical Application หรือ Application ที่มีความสำคัญสูงมากต่อธุรกิจนั้น การเกิด Downtime เพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงความสูญเสียทางธุรกิจครั้งมหาศาลได้ HPE Primera จึงเป็นระบบ Enterprise Storage แรกที่กล้าระบุว่ารับประกัน Availability ถึง 100% มาในผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม โดยนอกจากการออกแบบ HPE Primera ให้สามารถดูแลรักษาแก้ไขปัญหาได้ง่าย, สลับเปลี่ยน Hardware ที่มีปัญหาออกได้โดยไม่เกิด Downtime, การอัปเกรด Firmware หรือ Service ต่างๆ แยกส่วนกันได้แล้ว HPE ยังได้นำ AI อย่าง HPE InfoSight เข้ามาช่วยตรวจสอบแนวโน้มของปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบ Storage และทำการแก้ไขประเด็นเหล่านั้นก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นด้วย
Credit: HPE
ความสามารถของ HPE InfoSight นี้ไม่เพียงแต่จะครอบคลุมการจัดการกับปัญหาที่เกิดในส่วนของ Storage เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึง Server, Application และ Network ด้วย ดังนั้นการใช้งาน HPE InfoSight ภายใน HPE Primera นี้จึงสามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบลด Downtime ที่จะเกิดจากปัจจัยต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมยิ่งกว่าเดิม
การรับประกันนี้ครอบคลุมถึงแม้กรณีที่มีแม้เพียง Virtual Volume เดียวที่ไม่สามารถถูกเข้าถึงได้ก็ถือว่าเข้าข่ายการรับประกันแล้ว แต่หากสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกเช่น ระบบเครือข่าย หรือการตั้งค่าบนอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ โดยเงื่อนไขฉบับเต็มทั้งหมดสามารถอ่านได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/pdfViewer.html?docId=a00074521&parentPage=/us/en/products/storage/hpe-primera&resourceTitle=100%25+Availability+Guarantee+%E2%80%93+HPE+Primera+brochure
รวดเร็วทันใจด้วย NVMe และ Storage Class Memory (SCM) พร้อมรองรับการทำ QoS
ใน HPE Primera นี้ ได้เลือกใช้ NVMe SSD และ Storage Class Memory หรือ SCM เพื่อให้มีความเร็วสูงสุดจากการลด Latency ในการเข้าถึงข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการอ่านข้อมูลก็ตาม อีกทั้งยังสามารถกำหนด QoS ให้กับข้อมูลแต่ละส่วนได้ เพื่อให้สามารถรับประกันระดับประสิทธิภาพสำหรับแต่ละ Application ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลแต่ละชุดให้แตกต่างกันได้ด้วย
ชาญฉลาดด้วยระบบ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลมากกว่า 1,250 ล้านล้านรายการ
Credit: HPE
อีกแนวคิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้งานใน HPE Primera นั้นก็คือการเป็น Self-Managing Storage ที่ได้นำข้อมูลจาก HPE InfoSight ซึ่งรวบรวมข้อมูลการทำงานและประสิทธิภาพจากระบบ Data Center ทั่วโลกกว่า 1,250 ล้านล้านรายการมาใช้ในการวิเคราะห์และสร้าง AI ขึ้นมา ทำให้ HPE Primera สามารถตรวจสอบแนวโน้มของปัญหาต่างๆ และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง รวมถึงแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบให้ทำการป้องกันปัญหาต่างๆ ได้ล่วงหน้าเพื่อลด Downtime
นอกจากนี้ HPE InfoSight ยังสามารถช่วยให้ HPE Primera ทำ Performance Tuning และจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติจากข้อมูลดังกล่าว เรียกได้ว่ามี AI ที่ครอบคลุมทั้งการตรวจสอบ, ปรับแต่งประสิทธิภาพ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเบ็ดเสร็จในตัวเลยทีเดียว
สถาปัตยกรรมแบบ All-Active ใช้ทุก CPU, ASIC และ Memory ที่มีอยู่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ภายใน HPE Primera นั้นมีทั้ง CPU สำหรับการประมวลผลบริการทั่วไป, ASIC สำหรับประมวลผลงานด้านการจัดการข้อมูลเฉพาะทางเช่นการทำ Data Reduction และ Memory หรือหน่วยความจำสำหรับใช้งานร่วมกันอยู่ภายในตัว โดยทรัพยากรเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกจัดแบ่งและใช้งานพร้อมกันอย่างสมดุล ในขณะที่ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็จะถูกกระจายอยู่บน SSD, Node และถูกรับส่งผ่าน Port ต่างๆ อย่างสมดุลดว้ยเช่นกัน เพื่อให้ประสิทธิภาพของระบบสูงสุดอยู่เสมอ
HPE Primera สามารถให้บริการข้อมูลได้ด้วยประสิทธิภาพถึงระดับ 1.5 ล้าน IOPS โดยไม่ต้องทำ Performance Tuning และยังสามารถรับประกันประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยการทำ QoS และระบบทั้งหมดนี้ยังสามารถทำงานทดแทนกันแบบ Failover ได้อีกด้วย
ใช้งานได้อย่างยาวนานไม่มีวันตกรุ่นด้วยแนวคิด Timeless Storage
สิ่งที่ HPE ต้องการบรรลุให้ได้ใน HPE Primera นั้นก็คือการลดกรณีการจัดซื้อ Storage ชุดใหม่เข้ามาทดแทน Storage เดิมในรอบของการอัปเกรดให้เหลือน้อยลง แนวคิดด้าน Timeless Storage จึงเกิดขึ้นมาโดยผสานรวมเอาข้อดีต่างๆ ดังต่อไปนี้เข้าไว้ด้วยกัน
-
การรวม Software License ทั้งหมดเอาไว้ในตัว Hardware เลย ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคอยซื้อ License ตาม Feature ที่ตนเองต้องการอีกต่อไป
-
การใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดติดขัดแม้ยามแก้ไขปัญหาโดยไม่มี Downtime ด้วย 100% Availability Guarantee
-
การอัปเกรดให้ฟรีทุกๆ 3 ปีทั้งในส่วนของ Hardware และ Software ทำให้ผู้ใช้งานได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดอยู่เสมอ
ติดตั้งง่ายดายเสร็จเรียบร้อยได้ใน 20 นาที
Credit: HPE
HPE Primera ได้ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายด้วยการติดตั้งใช้งานได้เสร็จเรียบร้อยภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ด้วยการปรับขั้นตอนการติดตั้งทั้งหมดให้เป็นแบบอัตโนมัติให้มากที่สุด, การมีเครื่องมือทั้งหมดให้พร้อมใช้งานได้ในตัว, การที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำ Storage Tuning อีกต่อไป และการที่สามารถอัปเกรดระบบได้โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อ Application ที่กำลังเชื่อมต่อใช้งานข้อมูลภายใน HPE Primera อยู่
HPE ระบุว่าจากการทดสอบภายใน HPE Primera สามารถลดเวลาที่ต้องใช้ในการติดตั้ง, บริหารจัดการ และการเพิ่มขยายระบบน้อยลงถึง 93% เลยทีเดียว
สู่ยุค Automation อย่างเต็มตัว ทำงานร่วมกับ Composable Infrastructure และ Infrastructure-as-Code ได้เต็มที่
ภายใน HPE Primera นี้ยังได้เพิ่มระบบการบริหารจัดการผ่านทาง API เข้ามา ทำให้การนำระบบ HPE Primera เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Automated Workflow ภายในธุรกิจองค์กรนั้นเกิดขึ้นได้จริง อีกทั้ง HPE ยังได้ทำการผสานระบบของ HPE Primera เข้ากับ HPE Synergy และ HPE OneView ด้วย ส่งผลให้ภาพของ Composable Infrastructure นั้นมีความครบถ้วนยิ่งขึ้นกว่าเดิม สร้างประสบการณ์การจัดการ Physical Hardware ให้แบบเดียวกับ Cloud ภายในองค์กรได้ทันที
เลือกใช้งานแบบ Comsumption-based ได้ เพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนระบบ IT
แน่นอนว่า HPE Primera นี้ก็มีบริการในส่วนของ HPE GreenLake เพื่อให้สามารถเช่าใช้งานแบบ Consumption-based ที่คิดค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน และเพิ่มขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่น โดยมีทีมงานของ HPE คอยสนับสนุนระหว่างการใช้งานโดยตรง ทำให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนระบบ IT ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และเพิ่มขยายได้ตามต้องการเพื่อตอบรับต่อการเติบโตของระบบ IT และนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที
ผู้ที่สนใจรายละเอียดฉบับเต็มเกี่ยวกับ HPE Primera สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/hpe-primera.html
HPE Primera 600 Storage รุ่นแรกในตระกูล HPE Primera
Credit: HPE
สำหรับ Hardware รุ่นแรกของผลิตภัณฑ์ตระกูล HPE Primera นี้ก็คือ HPE Primea 600 Storage ที่เปิดตัวมาในขนาด 2U 24 Bay พร้อม Enclosure เสริมที่ติดตั้ง Disk ได้ตั้งแต่ 24-48 ชุด และเชื่อมต่อใช้งานได้ผ่านทาง 16/32Gbps Fibre Channel
HPE Primera 600 นี้ จะต้องติดตั้งเริ่มต้นโดยบังคับให้ใช้งาน 2 Controller เป็นอย่างน้อย และเพิ่มขยายสูงสุดได้ถึง 4 Controller ทำงานร่วมกันแบบ Active-Active เพื่อความมั่นคงทนทานและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยมี Cache ให้เลือกใช้งานต่ออุปกรณ์ได้ตั้งแต่ 128GB ถึง 1TB ส่วนความจุต่อระบบนั้นสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 250TB ไปจนถึง 4,000TB เลยทีเดียว ขึ้นกับว่าจะใช้ SSD ทั้งหมดหรือทำงานแบบ Hybrid โดยมี HDD อยู่ด้วย
ทาง HPE นั้นได้ทดสอบความเข้ากันได้ของ HPE Primera กับ Software ระบบปฏิบัติการและ Hypervisor ชั้นนำแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Windows Server 2012/2016/2019, Microsoft Windows Hyper-V, HP-UX, SUSE Linux Enterprise Server, Red Hat Enterprise Linux, VMware ESX/ESXi, Oracle Solaris, Oracle UEK, Oracle Linux, Citrix XenServer, IBM AIX, HPE OpenVMS และ Apple OS X จึงสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจ
ประกันที่มากับ HPE Primera 600 นี้จะมีอายุ 3 ปีสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ และ 5 ปีสำหรับ SSD
ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://buy.hpe.com/us/en/storage/disk-storage-systems/primera-storage/primera-storage/hpe-primera-600-storage/p/1011657880